การเปรียบเทียบสินค้านั้นปกติก็คงใช้ Google Sheet หรือ Excel แต่วันนี้จะมาเสนออีกวิธีหนึ่งสำหรับคนที่ใช้ ClickUp เป็นประจำ ก็คือการใช้ ClickUp Table ที่เป็นอีกแนวทางที่ใช้งานไม่ยากและสวยงาม รวมถึงการ Filter เอาสินค้าที่ผ่านการคัดเลือกก็ทำได้ง่ายกว่า
ทำไมต้อง Table View ไม่ใช้ Spread Sheet ไปเลย
- สามารถแชร์ให้กับคนอื่นได้ และสอบถามความเห็นได้
- สามารถเปลี่ยนเป็น View อื่น เช่น Board View ได้
- สามารถสั่งงานได้ในรูปแบบ Task เช่น ผมสั่งให้แฟนช่วยดูข้อมูลของสินค้าบางรุ่น
เริ่มต้นสร้าง Space
เบื้องต้นผมแนะนำ หากคุณยังไม่ได้สร้าง Space ส่วนตัว ให้ไปสร้างไว้ก่อนครับ และสร้างลิสต์ชื่อสินค้าที่ตัวเองต้องการเปรียบเทียบไว้ก่อน เช่น “เครื่องชั่งน้ำหนักวัดไขมัน”

ลิสต์คุณสมบัติของสินค้า
คุณสมบัติเหล่านี้จะต้องเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าที่คุณต้องการ ซึ่งผมจะยกตัวอย่างเป็นเครื่องชั่งน้ำหนักวัดไขมัน ซึ่งผมได้มาจากการศึกษาจากหลายๆ แหล่งจนทราบว่าปัจจัยหรือคุณสมบัติอะไรคือสิ่งที่จำเป็นในการเลือกซื้อให้เหมาะกับผม ซึ่งปัญหาของผมคือ ต้องการเครื่องชั่งที่วัดไขมันและกล้ามเนื้อได้แม่นยำกว่าเครื่องเดิมที่มีอยู่
ซึ่งคุณสมบัตินั้นผมจะแยกเป็น 2 ส่วน คือ คุณสมบัติที่จำเป็น และ คุณสมบัติช่วยในการตัดสินใจ
คุณสมบัติที่จำเป็น คือ ถ้าไม่มีคุณสมบัติเหล่านี้ผมจะตัดเครื่องชั่งรุ่นนั้นทิ้งไปเลย เพราะเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยเพิ่มความแม่นยำ รวมถึงความสะดวกในการใช้งานของผม ได้แก่
- Full Body Sensing คือ ต้องมีการส่งกระแสไฟเพื่อวัดค่าทั่วร่างกาย
- Multi/Dual Frequencies คือ ต้องมีการส่งความถี่กระแสไฟเข้าไปวัดค่า เพื่อให้ได้ค่าที่ถูกต้องจริงๆ ทั้งภายนอก และภายในเซลล์
- Mobile App คือ ต้องมีแอปให้ใช้งานที่มีประวัติการบันทึกข้อมูลย้อนหลัง เพราะผมต้องการติดตามผลการลดน้ำหนักและออกกำลังกายของตัวเอง
คุณสมบัติช่วยในการตัดสินใจ คือ ถ้าเจอสินค้ามากกว่า 1 รุ่นที่มีคุณสมบัติจำเป็นเหมือนกัน ถึงจะมาพิจารณาคุณสมบัติในข้อนี้ โดยจะให้ลำดับความสำคัญสูงอยู่บนสุด (เนื่องจากเวลาเอาไปลงคอลัมน์ของตารางจะไล่พิจารณาง่ายๆ จากซ้ายไปขวา) ซึ่งได้แก่
- ราคา
- ความถี่ (Frequency Detail) ค่าความถี่ที่ใช้
- เชื่อมต่อกับ Apple Health ได้
- การวัดค่าไขมันแบบแยกส่วน (Fat Segmentation) คือ ค่าไขมันที่มีการระบุแบบแยกระหว่าง ลำตัว, แขนซ้าย, แขนขวา, ขาซ้าย และขาขวา
- การวัดค่ากล้ามเนื้อแบบแยกส่วนร่างกาย (Muscle Segmentation) คือ ค่ากล้ามเนื้อที่มีการระบุแบบแยกระหว่าง ลำตัว, แขนซ้าย, แขนขวา, ขาซ้าย และขาขวา
- ค่าที่วัดได้
- มวลไขมัน (Fat)
- มวลกล้ามเนื้อ (Muscle)
- ไขมันในช่องท้อง (V-Fat)
- BMI
- BMR
- Body Age
- Obesity Levels (ระดับความอ้วน – OL)
- แอปนั้นใช้งานได้กี่คน (Users) เพราะซื้อมาแล้วต้องให้คนในบ้านชั่งด้วยได้
- แอปนั้นบันทึกข้อมูลย้อนหลังได้กี่วัน (History)
- แอปรองรับภาษาไทย (Thai)
- Guest Mode คือ การวัดค่าแบบไม่จำเป็นต้องเปิดแอป
- เวลาประมวลในการชั่งแต่ละครั้ง (Time)
- มีแบตเตอร์รี่ในตัวหรือไม่ (Chargeable)
- อายุการใช้งานแบตเตอร์รี่ (Batt. Life)
- ระยะเวลารับประกัน
ระบุชนิด ClickUp Custom Fields
เมื่อลิสต์คุณสมบัติที่สำคัญมาแล้ว ก็นำมาสร้างเป็น Custom Fields ครับ โดยผมจะใช้แต่ละคุณสมบัติ เป็นแต่ละชนิด Custom Fields ดังนี้ครับ (ผมจะใส่ไอคอน 🌟 ให้กับ คุณสมบัติที่จำเป็น ) และใช้ชื่อย่อเพื่อให้ดูง่ายๆ ในตารางครับ
- 🌟 Full Body Sensing – ชนิด ✅ Checkbox
- 🌟 Frequencies – ชนิด 🔽 Dropdown
- 🌟 Mobile App – ชนิด ✅ Checkbox
- ราคา – ชนิด 💰 Money
- Frequency Detail – ชนิด 🔤 Text
- Apple Health – ชนิด ✅ Checkbox
- การวัดค่าไขมันแบบแยกส่วน (Fat Seg.) – ชนิด ✅ Checkbox
- การวัดค่ากล้ามเนื้อแบบแยกส่วนร่างกาย (Muscle Seg.) – ชนิด ✅ Checkbox
- ค่าที่วัดได้
- มวลไขมัน (Fat) – ชนิด ✅ Checkbox
- มวลกล้ามเนื้อ (Muscle) – ชนิด ✅ Checkbox
- ไขมันในช่องท้อง (V-Fat) – ชนิด ✅ Checkbox
- BMI – ชนิด ✅ Checkbox
- BMR – ชนิด ✅ Checkbox
- Body Age – ชนิด ✅ Checkbox
- Obesity Levels (ระดับความอ้วน – OL) – ชนิด ✅ Checkbox
- Users – ชนิด #️⃣ Number
- History (วัน) – ชนิด #️⃣ Number
- Thai – ชนิด ✅ Checkbox
- Guest Mode – ชนิด ✅ Checkbox
- Time (วินาที) – ชนิด #️⃣ Number
- Chargeable – ชนิด ✅ Checkbox
- Batt. Life (วัน) – ชนิด #️⃣ Number
- ประกัน(ปี) – ชนิด #️⃣ Number
สร้าง Table View
- คลิกที่ + View

2. เลือก Table และ Add Table

3. จากนั้นเราจะได้ Table View มาด้วยชื่อตามที่เราได้ตั้งไว้

สร้างคอลัมน์ Table View ด้วย Custom Fields
เมื่อได้ตารางหรือ Table View มาแล้ว ต่อไปเราก็ทำการเพิ่ม Custom Fields ที่จะทำหน้าที่เป็นคอลัมน์ของตารางกันต่อครับ
**หาก Space ที่คุณใช้งานอยู่ไม่ได้เปิด ClickApps สำหรับ Custom Fields จำเป็นต้องไปเปิดใช้งานก่อนครับตามวิธีด้านล่าง
1. คลิกปุ่ม + ที่มุมขวาของตาราง

2. เลือก New Column

3. จากนั้นก็เริ่มสร้าง Custom Field จากอันแรกสุดตามที่เราได้ลิสต์ไว้ ซึ่งของผมคือ Full Body Sensing ชนิด Checkbox


4. จากนั้นก็ไล่สร้างคอลัมน์ด้วย Custom Fields ไปเรื่อยๆ จนครบครับ และหากต้องการจัดเรียงตำแหน่งคอลัมน์ก็ทำได้ง่ายๆ 2 วิธีคือ
วิธีแรกคือ การย้ายไปหัวตาราง หรือ ท้ายตาราง โดยการคลิกเลือกคอลัมน์ที่เราต้องการ

จากนั้นคลิกขวาเราจะสามารถเลือกได้ว่าต้องการให้คอลัมน์นั้นๆ ไปอยู่หัวหรือท้ายตาราง

อีกวิธีคือการลากวาง วิธีลากวาง ก็คือเรานำเมาส์ไปวางบนชื่อคอลัมน์จนเป็นสีเทาเข้ม จากนั้นคลิกเพื่อลากไปซ้าย หรือ ขวาของคอลัมน์อื่นๆ

**ปกติผมจะใช้ 2 วิธีร่วมกันถ้ามีคอลัมน์เยอะๆ คือ เมื่อต้องการย้ายไปคอลัมน์ต้นๆ ตาราง ผมจะเลือกให้ไปที่คอลัมน์แรกก่อนแล้วค่อยลากขยับถอยไป
สร้างสินค้าด้วย ClickUp Task
เมื่อได้ตารางและคอลัมน์มาแล้วเราก็สามารถกรอกชื่อสินค้าและรุ่นได้เลย

โดยจำเป็นต้องกรอกชื่อ Task ก่อน และกด SAVE จึงสามารถกรอกข้อมูลคอลัมน์ต่างๆ ได้

คัดเลือกสินค้าที่ผ่าน โดยการ Filter
เนื่องจากผมได้กำหนดคุณสมบัติหลักที่ต้องผ่าน 5 คุณสมบัติ ผมเลยจะใช้การ Filter ว่า 5 Custom Fields นี้จำเป็นต้องมีค่าตามต้องการ ดังนี้
1. คลิก Filter

2. เลื่อนป๊อปอัปลงมาล่างๆ จะเจอ Custom Fields ที่เราสร้างขึ้นมาเอง ซึ่งผมจะเลือก 5 คุณสมบัติหลัก

3. กำหนดค่าเงื่อนไขตามชนิดของ Custom Field เช่น Checkbox จะเลือกเป็น Is checked

จากนั้นผมจะเลือก Custom Field อื่นๆ ไปจนครบ 5 คุณสมบัติ โดยใช้เงื่อนไข AND

ทำให้เหลือรุ่นที่ตรงตามต้องการดังนี้

สรุป
การใช้งาน ClickUp Table View นั้นสามารถประยุกต์ไปใช้ได้อีกหลายอย่าง โดยเฉพาะใช้เพื่อเก็บข้อมูลที่มีคอลัมน์หรือ Custom Fields จำนวนมากๆ
แหล่งอ้างอิง
- https://help.clickup.com/hc/en-us/articles/6310080798615-Add-a-Board-view
- https://help.clickup.com/hc/en-us/articles/6329890854935-Table-vie
- Central.co.th inbody
- Central.co.th tanita
- shopee inbody
- shopee mall tanita
อยากได้บทความเรื่องอะไร หรือ หัวข้อแนวไหน สามารถแนะนำกันมาได้ที่แบบฟอร์มนี้เลยครับ ซึ่งข้อมูลที่ส่งจากแบบฟอร์มนี้จะถูกไปสร้างเป็น Clickup Task และสั่งงานผม ให้อัตโนมัติเลยครับ